เพิ่มความแข็งแรงของเปลือกไข่ด้วยแคลเซียมคุณภาพดี

          แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสัตว์ทุกชนิด ซึ่งมีส่วนสำคัญในหลายๆด้าน เช่น กระบวนการเมแทบอลิซึมของร่างกาย การควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การพัฒนาและการเจริญของกระดูกโครงร่าง การสร้างและควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ รวมถึงการดูดซึมและใช้ประโยชน์ของฟอสฟอรัส เป็นต้น ในไก่ไข่ก็เช่นเดียวกัน แคลเซียมมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างกระดูกและเปลือกไข่ โดยในเปลือกไข่มีแคลเซียมที่อยู่ในรูปแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCo3) อยู่มากกว่า 90% ซึ่งปริมาณแคลเซียมที่สะสมอยู่ที่เปลือกไข่นี้จะส่งผลต่อความแข็งแรงของเปลือกไข่

ภาพไข่เปลือกร้าวและแตก

          การสร้างกระดูกโครงร่างของไก่ไข่จะพัฒนาสูงสุด 95% ที่อายุ 12-13 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะมีการสร้างกระดูกเมดัลลารี (Medullary  bone) ขึ้นมาเพื่อใช้ในการสะสมแคลเซียมที่ได้รับจากอาหาร สำหรับความต้องการแคลเซียมของไก่ไข่ในการสร้างเปลือกไข่แต่ละวันประมาณ 80% มาจากอาหารที่ไก่กินเข้าไป ส่วนความต้องการแคลเซียมที่เหลือจะได้รับจากการสลายแคลเซียมที่สะสมในกระดูกเมดัลลารี หากไก่ได้รับแคลเซียมจากทั้งสองแหล่งไม่เพียงพอ ร่างกายจะไปดึงแคลเซียมจากกระดูกโครงร่างมาใช้ ซึ่งถ้าหากกระดูกโครงร่างถูกดึงแคลเซียมมาใช้บ่อยๆ จะทำให้ไก่เกิดภาวะกระดูกพรุน ไก่ไข่ยืนกรงได้ไม่นาน เนื่องจากเมื่อกระดูกโครงร่างพัฒนาจนเต็มที่แล้วจะไม่สามารถสะสมแคลเซียมได้อีกถึงแม้ว่าจะได้รับแคลเซียมจากอาหารเข้าไปก็ตาม

          นอกจากนี้ไก่ไข่ที่ได้รับแคลเซียมจากอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยังส่งผลถึงคุณภาพเปลือกไข่ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากไก่ไข่ที่ดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้มากเกินจะมีคุณภาพของเปลือกไข่ที่ลดลง เช่น ไข่เปลือกบาง หรือไข่เปลือกร้าวที่เพิ่มมากขึ้น ดังแสดงในภาพที่ 1 ซึ่งส่งผลต่อจำนวนไข่ที่ขายได้ลดลง ดังนั้นการป้องกันการเกิดปัญหาที่เปลือกไข่และกระดูก สามารถทำได้โดยการให้อาหารที่มีแคลเซียมเพียงพอต่อความต้องการของไก่ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพของแคลเซียม โดยเลือกแหล่งแคลเซียมที่มีการดูดซึมและการใช้ประโยชน์ได้สูง เพื่อให้ไก่ไข่สามารถนำแคลเซียมจากอาหารไปใช้ได้สูงที่สุด และป้องกันการดึงแคลเซียมจากกระดูกโครงร่างมาใช้

          LithoNUTRI เป็นแหล่งแคลเซียมที่มาจากสาหร่ายทะเลสีแดงสายพันธุ์ Lithothamnium Calcareum 100% ซึ่งมีการสะสมของแคลเซียม และแร่ธาตุชนิดอื่นๆที่มีความจำเป็นมากต่อสัตว์กว่า 20 ชนิด โดยเฉพาะแคลเซียมอินทรีย์ที่ดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย มีค่าการใช้ประโยชน์ได้ (Bioavailability) ถึง 96% อีกทั้งเป็นแคลเซียมจากธรรมชาติ ซึ่งมีความปลอดภัยต่อสัตว์ จากผลการใช้ในไก่ไข่สายพันธุ์ Dekalb White ตั้งแต่อายุ 112 สัปดาห์ ถึง 118 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่มีการใช้ LithoNUTRI ตั้งแต่ 1-2% ในสูตรอาหารสามารถเพิ่มอัตราการให้ไข่ เพิ่มความหนาเปลือกไข่ ลดการเกิดเปลือกไข่ร้าว เปลือกไข่แตก เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ LithoNUTRI ในสูตรอาหาร และยังลดรูพรุนในเปลือกไข่ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ไข่ได้อีกด้วย ดังแสดงในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 ผลการใช้ LithoNUTRI ในไก่ไข่ต่ออัตราการให้ไข่และคุณภาพเปลือกไข่

ระดับการใช้

LithoNUTRI

ในสูตรอาหาร (%)

อัตราการให้ไข่

(%)

อัตรา

เปลือกไข่ร้าว

(%)

อัตรา

เปลือกไข่แตก

(%)

ความหนา

เปลือกไข่

(mm.)

รูพรุนบน

เปลือกไข่

(no./cm2)

0 72.50b 2.11b 0.25 0.26b 112b
1 80.00a 1.10a 0.23 0.29a 108a
1.5 83.12a 1.05a 0.15 0.29a 105a
2 83.12a 0.98a 0.11 0.30a 105a

*a,b ตัวอักษรที่แตกต่างกันแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

สรุป : การใช้ LithoNUTRI เป็นแหล่งแคลเซียมอินทรีย์ที่มีการดูดซึมและการนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงในไก่ไข่ ช่วยให้ไก่ไข่มีอัตราการให้ไข่ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเปลือกไข่ ส่งผลให้ไก่ไข่มีเปลือกหนาขึ้น มีเปลือกไข่ร้าว และเปลือกไข่แตกลดลง

ผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อคุณภาพเปลือกไข่ :

  • ผลิตภัณฑ์ซีลีเนียมและวิตามินอี สำหรับละลายในน้ำดื่ม APSA Polivitesel
  • ผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหย สำหรับผสมในอาหาร ESO100
  • ผลิตภัณฑ์กรดอินทรีย์ สำหรับละลายในน้ำดื่ม Kingly acid

ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อการให้ไข่ :